ห้องที่ ๘๗ : นายแช่มนักเรียน


           ฝ่ายสารันทูตได้ยลอมิตร
มล้างแทตยแสงอาทิตยขาดเกล้า
ตกใจดังชีพิตรจากร่าง ตนนา
รีบสู่ลงกาเฝ้าราพร้ายทูลสาร
          ทศเศียรทราบเหตุให้โหยหา
หลานรักเรืองศักดาเดชห้าว
ไฉนมาพ่ายมนุษย์พาลาดั่ง นี้นอ
อุระลุงจักร้าวเพราะแค้นมวญอรินทร์
          ร่ำพลางตรัสสั่งให้มโหทร
จัดพักพลนิกรอย่าช้า
แค้นนักจักไปรอญอรินทร์รุ่ง เช้าเฮย
สั่งเสรจราพสิบหน้าเสดจขึ้นมณเฑียร
          มโหทรรับสั่งเจ้าลงกา
มาจัดพลโยธาทัพถ้วน
จ่ายแจกเครื่องสรรพาวุธครบ หัดถ์เฮย
พลเทพย์ทุกตนล้วนเชี่ยวรู้เชิงรณ
          อศวรถคชสรรพทั้งมารทหาร
ครบเสรจโดยโองการท่านใช้
จตุรงค์ร่าเริงราญอรินทร์ราช แลแฮ
เนาพระลานคอยไท้จักเมื้อรณรงค์
          ราตรีอสุเรศรเจ้าอาณาจักร์
เนานิทรคิดอ่วนอักเทวศให้
ถวิลถึงพระญาติยักษ์อันดับ ขันธ์นา
การศึกตฤกแคะไค้เล่ห์สู้ดัษกร
          ครั้งอรณรุ่งได้เวลา ฤกษเฮย
ตื่นผธมสรงวาเรศแล้ว
สอดทรงเครื่องยุทธอาภรณ์ลรรพ เสร็จแฮ
เถลิงอาศนราชรถแก้วผาดผ้ายพลพฤนท์
          เสด็จเดินพลจากด้าวแดนเวียง
สนั่นรถคชแสะเสียงกึกก้อง
กลองศึกอธึกสำเนียงพลโห่ ฮึกเฮย
ถึงอุดดุจคลื่นท้องสมุทบ้าสลาตัน
          พลคชสรรพคชดั้งกันกง
พลแสะชาญศึกยงย่างน้อย
พลรถผาดผันผงคลีตลบ เขเฮย
เกลื่อนกล่นพลนับร้อยรุดเข้าสมรภูมิ
          ถึงที่รบให้อยุดโยธา
ตั้งพยุหโดยตำราสาตรอ้าง
พลหาญโห่สัญญาศึกสนั่น ไพรแฮ
ยินทุกเถื่อนทุ่งกว้างตลอดด้าวแดนราม
          แถลงองคจักรรัตนทั้งอนุชา
ออกอาศนอัดแอพานเรศเฝ้า
สดับศับท์เหล่าอสุราขานโห่
สั่งพิเภกคาดเค้าคาบนี้ศึกไหน
          พิเภกพิเคราะห์แจ้งจึ่งทูล
คือศึกราพนาสูรผ่านหล้า
ทราบเหตุจักเสดจยูรยาตรเผด็จ ยุทธนา
สั่งสุครีพอย่าช้าจัดทแกล้วกลั่นทหาร
          บุตรรวิรับพจนผ้ายสู่พล
เตรียมตรวจทุกหมวดพหลสพรั่งพร้อม
ต่างฮึกต่างหาญรณเริงร่าน รบนา
คอยจักหักศึกห้อมหั่นเกล้าเหล่าอสูร
          สังขกรกับลักษณน้องเสด็จสรง
ทรงเครื่องราชรณรงค์เพริศแพร้ว
เสดจเถลีงราชรถอลงกรณเฉิด โฉมเฮย
เร่งรถบทจรทแกล้วเกลื่อนเต้าตามผลู
          แลหลากหลายเหล่าล้วนพลพา นรนา
หนุนเนื่องกันจรคลาไป่ยั้ง
ดังอุทกธาราไหลหลั่ง มาฤๅ
ถึงที่ยุทธหยุดตั้งพยุหใกล้ทัพมาร
          ปางท้าวทศภักตรผู้พงษพรหม
ประทับรถเนินพนมที่นั้น
ยลทัพลักษณรามสมจิตรจัก มล้างเฮย
ให้ยกพลกระชั้นชิดเข้าโจมตี
          อสุรพลกองน่าเข้าโจมสัป ยุทธนา
ทัพน่านารายน์รับรบด้วย
พลรบ ๆ กลอกกลับกลางถิ่น สมรเฮย
สองฝ่ายฤาขยาดม้วยดุจช้างเมามัน
          ยักษลิงต่างต่อสู้สับสน
หาญต่อหาญเริงรณร่ายเลี้ยว
ศับทสนั่นพ่างภูมิดลดอยถล่ม ทลายฤๅ
พลกาจต่อกาจเกรี้ยวกราดกล้าชิงไชย
          พลกุมภัณฑ์เพลี่ยงพลั้งเพลงรบ
ลิงละเลิงลุยตลบไล่มล้าง
ยักษแตกปะทะกทบรถราช อสูรแฮ
ทศภักตร์แกว่งคทาคว้างไล่เลี้ยวตีลิง
          วานรบออาจสู้ศักดา ท่านนา
ถอยรับจอมอสุรารุกเร้า
จนกทั่งน่ารัถาองค์หริ รักษแฮ
จึ่งพระจักรกฤษณเจ้าเหนี่ยวน้าวศรแผลง
          มลายรถหมดทั้งราชสีหโล ทันต์แฮ
ตลอดเหล่ามารพลโยธิศม้วย
ทศภักตรตกรถโผปีนรถ รามเฮย
ไป่ย่อต่อตีด้วยธิราชไท้ทั้งสอง
          พระรามรอญราพด้วยแสงคัน ศิลป์เอย
พระลักษณทรงขรรค์ฟันฟาดซ้ำ
ทศภักตรแต่เดียวขยันยุทธไป่ ถอยนา
รับรบเรวรวดล้ำเล่ห์แม้นจักรหมุน
          ทศเศียรเสียท่าเอี้ยวเอนหงาย
พระกฤษณตีถูกกายแทตยท้าว
ตกลงที่เชิงชายบรรพต
ผุดลุกยกศรน้าวมุ่งมล้างวางศร
          ศรเปนอาวุธเก้าประการ
รอญพรรคพลอวตารแตกคว้าง
พระกฤษณฤทธิรำบานบงกบี่ พ่ายนา
ทรงพระแสงศรง้างพาดโค้งคันแผลง
          ศรสิทธิวิศณุมล้างแหลกอา วุธเฮย
พิฆาฏมารมรณานับร้อย
ลิงซึ่งสลบต้องวาตาตื่น ฟื้นแฮ
จอมยักษ์ยลยิ่งน้อยจีตรแค้นแน่นทรวง
          ทรงจักรรัตนคว่างขึ้นเวหาศ
แสงดังสุริโยภาศผ่องฟ้า
พระรามลั่นพรหมมาศศรสิทธิ์ ไปเฮย
ต้องอกอสุรสิบหน้าจักรนั้นเปนจุณ
          ราพร้ายร่ายเวทแล้วลูบกาย
ศรหลุดรอยแผลหายสนิทเนื้อ
พอพระสุริยผายลับเหลี่ยม เมรุแฮ
เสียพวกเสือมพยศเมื้อมุ่งเข้าลงกา
          ครั้นมารล่าทัพแล้วลักษณราม
เถลิงรถเหล่าลิงหลามรอบล้อม
เสดจจากยุทธภูมิ์สนามรบรีบ มานา
คืนสู่พลับพลาพร้อมพรั่งด้วยบริพาร

จบห้องที่ ๘๗

  เนื้อความกล่าวถึงทศกัณฐ์ทราบว่าแสงอาทิตย์ถูกสังหารในที่รบก็เสียใจ สั่งให้จัดทัพ พระรามและพระลักษณ์ออกรบกับทศกัณฐ์ พระรามแผลงศรสังหารหมู่ยักษ์และทำลายรถทศกัณฐ์ เมื่อทศกัณฐ์ตกจากรถก็ทะยานขึ้นรถพระรามเพื่อจะสู้กับพระรามพระลักษณ์ พระรามฟาดด้วยคันศร พระลักษณ์ฟาดด้วยพระขรรค์ ทศกัณฐ์เสียทีตกลงมาที่เชิงเขา จึงแผลงศรสังหารพลวานรตายเกลื่อน แต่พระรามก็แผลงศรแก้ให้ฟื้นขึ้นมาได้ ทศกัณฐ์ขว้างจักรหมายสังหารพระรามและพระลักษณ์ พระรามจึงแผลงศรพรหมมาศทำลายจักรและเสียบอกทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์ร่ายเวทให้ศรหลุด แล้วยกทัพกลับเข้ากรุงลงกา

ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “ครั้นอรุณรุ่งได้”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “ภรณ์สรรพ เสร็จแฮ”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “เสียพวกเสื่อมพยศเมื้อ”